การทำSmart Home นั้นจำเป็นต้องมีสัญญาไวไฟภายในบ้าน เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์(Smart Device)ต่างๆ สัญญานไวไฟตามบ้านที่เราใช้กันนั้นถูกปล่อยมาจาก Router ซึ่งมักจะมีสองคลื่นความถี่ คือ 2.4 GHz และ 5 GHz
อุปกรณ์(Smart Device ที่รองรับ IOT – Internet of Things) ที่รองรับในการทำ Smart Home ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะรองรับสัญญานไวไฟ ที่คลื่นความถี่ 2.4 GHz เท่านั้น; ดังนั้นอย่าได้เผลอติดตั้งไวไฟทั้งสองคลื่นความถี่ในชื่อเดียวกัน ไม่งั้นจะทำให้การติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ จะทำได้ยากขึ้น (ปล. ผมทำมาแล้ว เพราะไม่อยากให้มีสัญญานWifi หลายชื่อในบ้าน เลยจับรวมกัน ส่งผลให้การติดตั้งอุปกรณ์Smart Device ยากขึ้น และมีความเสถียรน้อยลง )
ความแตกต่างระหว่างคลื่นความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz มีอะไรบ้าง
2.4 GHz
ข้อดี
- รัศมีในการส่งสัญญานมากกว่า ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า
- มีอุปกรณ์ที่รองรับมากกว่า
- อุปกรณ์ที่รองรับราคาถูกกว่า
ข้อเสีย
- การถ่ายโอนข้อมูล และการรับส่งข้อมูลช้ากว่า
- ช่องสัญญาน(Bandwidth) น้อยกว่า คือมี 11 แชนแนล
คลื่นความถี่
2.4 GHz vs 5 GHz
Router
ตัวปล่อยสัญญาไวไฟ
5 GHz
ข้อดี
- การถ่ายโอนข้อมูล และการรับส่งข้อมูลไวกว่า ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า
- มีช่องสัญญาน(Bandwidth)มากกว่า ซึ่งมี 23 แชนแนล
- อุปกรณ์สมัยใหม่ส่วนใหญ่จะรองรับ
ข้อเสีย
- การส่งสัญญานใกล้กว่า อาจทำให้สัญญานไม่ทั่วถึง
- อุปกรณ์ที่รองรับมักราคาสูงกว่า
- อุปกรณ์ที่รองรับยังน้อยกว่าคลื่นความถี่ 2.4 GHz (ถึงแม้ปัจจุบันรองรับมากขึ้น)
สรุป
- ให้ตั้งRouter ปล่อยไวไฟสองคลื่นความถี่ในชื่อทีต่างกัน
- เวลาเชื่อมต่อSmart Device ก็เลือกใช้คลื่นความถี่ 2.4 GHz
- ส่วนจะใช้งานมือถือ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงอื่นๆ ก็เลือกใช้คลื่นความถี่ที่ 5 GHz ดีกว่า (ถ้าอุปกรณ์เรารองรับ)